คิปโชเก้ NIKE Vaporfly 4% ผู้อยู่เบื้อหลังสถิติโลกของเขา

คิปโชเก้ NIKE Vaporfly 4% ผู้อยู่เบื้อหลังสถิติโลกของเขา

 สำหรับนักวิ่งนอกจากการฝึกซ้อมอย่างมีวินัยแล้ว รองเท้าเป็นอุปกรณ์สำคัญของนักวิ่ง เพราะถือว่ามีส่วนเป็นอย่างมาก ที่ทำให้วิ่งได้เร็วขึ้น ไกลขึ้น นานขึ้น และยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บได้อีกด้วย และในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีในการผลิตรองเท้าก็ได้พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะของทางค่าย NIKEที่มีการวิจัยเกี่ยวกับรองเท้าวิ่งโดยเฉพาะจนออกมาสู่ท้องตลาดมากมายหลายรุ่น ซึ่งในบ้านเรานักวิ่งจำนวนไม่น้อย ที่นิยมให้ แบรนด์ คิปโชเก้ NIKE Vaporfly 4% 

 NIKE ZoomVaporfly 4%ซึ่งความหมายของ 4% นั้น NIKE ได้ชี้แจงว่ามันหมายถึง การช่วยเซฟแรงได้มากกว่ารุ่นก่อน ๆ นั่นเองซึ่งก็หมายถึงว่ายิ่งออกแรงน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแรงเหลือให้ทำความเร็วมากขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เมื่อ คิปโชเก้ สร้างสถิติโลกใหม่ในการวิ่งมาราธอน โดยใช้เวลาไปเพียงแค่ 2. 01. 39 ชั่วโมงเท่านั้น ในการแข่งขันรายการ เบอร์ลิน มาราธอน 2018 โดยที่เขาใช้ Zoom Vaporfly4%สวมใส่ลงแข่งขัน ซึ่งรายการนั้นเอาได้ทำลายสถิติเดิมของเพื่อนร่วมชาติอย่าง เดนนิส คิเมตโต มากถึง 1นาทีกับอีก 18 วินาทีอีกต่างหาก และรองเท้าที่ คิเมตโต สวมใส่แล้วครองสถิติโลกก่อนหน้านี้ก็คือคู่แข่งโดยตรงของ NIKE นั่นก็คือรองเท้าจากค่าย Adidas นั่นเอง

หลังจากที่ คิปโชเก้ ใช้Vaporfly 4%ทำการแข่งขันและกวาดแชมป์หลายสนามอย่างมากมาย ก็ทำให้นักวิ่งจำนวนมากหันมาใช้ตามและ ก็เป็นนักวิ่งที่สวมVaporfly 4%คว้าชัยได้เป็นส่วนมาก เลยกลายเป็นว่าNIKEได้ครองตลาดจ้าวแห่งรองเท้าวิ่งไปโดยปริยายกันเลยทีเดียว

 Vaporfly 4% มีดีที่พื้นรองเท้า ซึ่งมีแผ่นคาร์บอนไฟเบอร์บาง ๆ อยู่ระหว่างชั้นสำหรับโฟมที่มีหน้าที่รับแรงกระแทกนั่นเอง คุณสมบัติของ คาร์บอนไฟเบอร์ นั้นก็คือเป็นวัสดุ ที่เป็นเหมือนการสะสมพลังงานเมื่อเราวิ่งแล้วลงเท้าคือการสะสมพลังงาน พอเราก้าวขาขึ้นเพื่อวิ่งออกไปพลังงานก็จะถูกปล่อยออกมาเหมือนมีสปริงติดที่ขา และด้วยคุณสมบัตินี้ของ คาร์บอนไฟเบอร์จึงถูกนำไปเป็นวัสดุหลักของการผลิตขาเทียมของนักกีฬาผู้พิการนั่นเอง

 ซึ่งถ้าใครยังนึกภาพไม่ออกว่าVaporfly 4%นั้นหน้าตาเป็นแบบไหนหรือใครใช้อีกบ้าง ก็รองเท้าที่ ตูน บอดี้สแลมใส่วิ่งจากใต้ยันเหนือ ในโครงการก้าวทีละก้าวเพื่อระดมทุนซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์นั่นแหละ ซึ่งดูแล้วก็คิดว่าของเขาน่าจะดีจริง ๆ สำหรับ NIKE Zoom Vaporfly 4% ซึ่งราคาในบ้านเรานั้นเดี๋ยวนี้ก็ถือว่าจับต้องได้พอสมควร เพราะสนนราคาอยู่ที่ 8,000 – 9000 บาท และยังหาซื้อค่อนข้างยากอยู่พอสมควร

 ส่วนในอนาคตนั้น เราก็ต้องมาดูว่า NIKE จะพัฒนาต่อยอดจากรุ่น Vaporfly 4% นั้นไปในทิศทางไหนและจะใช้เทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วย ที่น่าสนใจมากกว่านั้นเชื่อว่าคู่แข่งทางการตลาดอาจจะไม่อยู่เฉย ๆ ปล่อยให้ NIKE นำหน้าห่างไปใกลเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็น  Adidas, REEBOK หรือค่ายอื่น ๆ ก็ต้องมีทีเด็ดออกมาสู้อย่างแน่นอนรอดูได้เลย แค่คิดก็ตื่นเต้นกันแล้ว นี่ถ้าหากเทคโนโลยียังพัฒนาอย่างไม่หยุด บางทีเพื่อความยุติธรรมเราอาจได้เห็นกฎใหม่คือการแข่งขันโดยการถอดรองเท้าวิ่งก็เป็นได้ (ฮ่า)

 ส่วนใครที่ชอบวิ่งเพื่อเป็นการออกกำลังกาย ไม่ใช่เพื่อการแข่งขันเพื่อติดอันดับ ไม่ใช่นักวิ่งแนวหน้า ก็ควรเลือกใช้และเลือกซื้อตามกำลังไหวคงจะดีที่สุด อย่าไปวิ่งตามอะไรให้มากมายนักใช้ตัวรองลงมาก็ถือว่าใช้ได้แล้ว เรื่องตัวท็อป ปล่อยให้เป็นเรื่องของขาแรงจะดีกว่า เพราะเรื่องของการออกกำลังกายการได้สุขภาพที่แข็งแรงคือเรื่องสำคัญที่สุดนั่นเอง

video : MGR Sport

กิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

• สมาคมกีฬากรีฑาฯ เปิดตัวกิจกรรม “ริเวอร์แคว ฮาล์ฟ มาราธอนฯ” เริ่มออกสตาร์ท 22 พ.ย.นี้
• บุรีรัมย์ มาราธอน 2021 เป้าหมายคืองานวิ่งระดับโลก “YOUR ULTIMATE DESTINATION สวรรค์ของนักวิ่ง
• เอเลียด คิปโชเก เหตุใดจึงได้เพียงแค่อันดับที 8 ลอนดอน มาราธอน 2020