WARM UP กับ COOL DOWN ความแตกต่าง การยืดเหยียดก่อนวิ่ง และหลังวิ่ง (วอร์มอัพ และ คูลดาวน์) ท่าวอร์มยืดเส้นก่อนวิ่งและหลังวิ่งอย่างถูกวิธี

การ WARM UP กับ COOL DOWN ความแตกต่าง คือการยืดเหยียดที่สำคัญที่นักวิ่ง หรือนักกีฬาโดยทั่วไปต้องให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาสมัครเล่นหรือนักกีฬาอาชีพ เพราะว่ามีประโยชน์อย่างมาก อย่างการ

  • WARM UP นั้นก็เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนจะออกไปวิ่ง 
  • COOL DOWN ก็คือการยืดเหยียดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังจากวิ่งเสร็จนั่นเอง การทำทั้งสองอย่างนั้น นอกจากจะช่วยทำให้เราวิ่งดีขึ้นแล้ว ก็ยังช่วยลดปัญหาอาการบาดเจ็บได้อีกด้วย

 การยืดเหยียดก่อนวิ่ง และหลังวิ่ง (วอร์มอัพ และ คูลดาวน์) แบ่งเป็นสองแบบก็คือ

  • แบบ Dynamic Stretching
  • แบบ Static Stretching

ซึ่งทั้งสองแบบนี้นักวิ่งหลายคนนั้นมักจะแยกไม่ออก ว่าควรทำแบบไหนก่อน เราจึงเอามาจำแนกให้ดูกัน

 

WARM UP กับ COOL DOWN ความแตกต่าง ที่นักวิ่งควรทำความเข้าใจใหม่แบบถูกวิธี

แบบ Dynamic Stretchingคือการวอร์มอัพก่อน

เพื่อให้ร่างกายเตรียมความพร้อม เป็นการยืดเหยียดลักษณะที่ขยับตัวไปมา หรืออบอุ่นร่างกาย เช่นการดีดขา การเดินยกเข่าขึ้นลงช้า ๆ การวิ่งเขย่งไปมา หรือการเริ่มเดินเบา ๆ การวอร์มอัพหรือ Dynamic Stretching ควรจะทำก่อนวิ่ง 15-20 นาทีประมาณให้เหงื่อซึมเล็กน้อย เพื่อเป็นการสร้างความตื่นตัวให้กับกล้ามเนื้อ หรือข้อต่อส่วนต่าง ๆ และยังช่วยให้เราสามารถวิ่งได้ดีขึ้นอีกด้วย

 

แบบ Static Stretching – คือการ คูลดาวน์

หรือยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และไล่กรด แลคติกออกจากร่างกายหลังจากที่วิ่งเสร็จ เป็นการยืดเหยียดอยู่กับที่ ซึ่งท่ายืดเหยียด คูลดาวน์นั้นก็มีอยู่หลายท่า เช่นนั่งลงเหยียดขาแล้วเอื้อมมือไปแตะปลายเท้า การชูแขนแล้วบิดลำตัว แต่ละท่านั้นใช้เวลาทำประมาณครึ่งนาที ซึ่งหลาย ๆ ครั้งเราจะเห็นนักวิ่งชอบทำกันก่อนที่จะเริ่มออกวิ่ง นั่นถือเป็นเรื่องที่ผิด เพราะจากการศึกษาพบว่าการยืดเหยียดแบบนี้ก่อนการวิ่งนั้นจะไปลดประสิทธิภาพในการวิ่งลง  ซึ่งประโยชน์ของการยืดเหยียดนั้น ก็คือช่วยลดปัญหาอาการบาดเจ็บได้ เมื่อหลังจากที่วิ่งเสร็จอาจจะเดินช้า ๆ สัก 5-10 นาที แล้วจึงไปทำการยึดเหยียดต่ออีกประมาณ 25 นาที ถึงครึ่งชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว

 

นั่นจึงทำให้อาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราใช้ท่า Static Stretching และ Dynamic Stretching ไม่ถูกต้อง แถมยังอาจเกิดผลเสียอีกด้วย ฉะนั้นจงรีบสำรวจตัวเองด่วน ว่าทำการ WARM UP และ COOL DOWN ได้ถูกต้อง และถูกวิธีกันหรือยังถ้ายังก็ควรรีบปรับกันได้แล้ว เพื่อเป็นการป้องกันอาการบาดเจ็บ และยังสามารถช่วยให้เราวิ่งได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงที่สุด นั่นเอง

 

แนะนำวิดีโอท่า WARM UP และ COOL DOWN

Thank Video : FIXME SPORT

Thank Video : Runway by YO


คุณอาจสนใจสิ่งนี้

You may also like

Leave a Comment