เร็วขึ้น กับ ไกลขึ้น ควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน

by admin
เร็วขึ้น กับ ไกลขึ้น ควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน  เร็วขึ้นหรือไกลขึ้นควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่

เร็วขึ้น กับ ไกลขึ้น ควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน

 เร็วขึ้นหรือไกลขึ้นควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน เป็นคำถามยอดฮิตสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่หลาย ๆ คนมักจะใจร้อนวางเป้าหมายไว้สูงเกินไป หรือไปเปรียบเทียบกับนักวิ่งที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าคนนั้นทำไมวิ่งได้เร็ว คนนี้วิ่งได้ไกล เราต้องทำให้ได้แบบเขาบ้างสิ ใช่แล้วว่ามันสามารถทำได้แต่ต้องใช้เวลา และขยันฝึกซ้อม อย่างมีวินัย และแบบแผน

 แล้วควรฝึกซ้อมเรื่องไหนก่อน  ? เพิ่มความเร็วก่อนเลยดีไหม ? บอกเลยว่าไม่ดีแน่นอน! การฝึกซ้อมเพื่อเพิ่มความเร็วในหน้าวิ่งหน้าใหม่นั่นไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะนักวิ่งหน้าใหม่นั้น กล้ามเนื้อ  และข้อต่อกระดูก ยังไม่มีความแข็งแรงมากพอ รวมถึงระบบการหายใจ (หัวใจ) ก็ยังไม่สามารถรองรับความบีบคั้นในการฝึกที่หนักหน่วงได้

เร็วขึ้น กับ ไกลขึ้น ควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนก่อน

แน่นอนว่าอาการบาดเจ็บไม่ส่วนใดก็ส่วนหนึ่งของร่างกายต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่นักวิ่งหน้าใหม่มักจะไม่ให้ความสำคัญกลับเอาร่างกายเข้าไปเสี่ยง ด้วยเหตุที่ว่า การฝึกซ้อมความเร็วมันสนุกตื่นเต้น รู้สึกเหนือกว่าเพื่อน ๆ รวมไปถึงสถิติต่าง ๆ ที่ดีขึ้น สิ่งเหล่านี้มันคือกับดักแห่งความล้มเหลวสำหรับนักวิ่งหน้าใหม่

 การใส่ใจให้ความสำคัญกับระยะทางเป็นอย่างแรกคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพื่อเป็นการค่อย ๆ เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก รวมถึงการฝึกจังหวะการหายใจ การเพิ่มระยะทางวิ่งก็ควรจะค่อยเป็นค่อยไปเช่นกัน เป็นการวิ่งไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องคำนึงถึงความเร็ว วิ่งในระดับที่รู้สึกสบาย ๆ พูดจาสื่อสารได้ เต็มประโยคที่เรียกกันว่าวิ่งโซน 2 นั่นเอง (ระดับเริ่มต้นจริง ๆ อาจจะจ๊อกเบา ๆ ให้ต่ำกว่าโซน 2 ก็ได้)

การค่อย ๆ เพิ่มระยะทางในนักวิ่งหน้าใหม่นั้นอาจจะมีความรู้สึกท้อ หรือรู้สึกน่าเบื่อบ้าง เพราะการวิ่งช้า ๆ ทุกวัน ๆ มันก็จำเจ แถมกว่าจะเพิ่มระยะขึ้นได้ทีละ 1 กิโลเมตรช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็นเสียเหลือเกิน บอกไว้เลยว่าความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติในนักวิ่งหน้าใหม่ระดับเริ่มต้นด้วยกันทั้งนั้น

 ฉะนั้น การออกไปวิ่งไม่ควรจะกดดันตัวเอง ว่าต้องทำให้ได้เท่านั้นเท่านี้ เพราะการจะวิ่งได้เร็วขึ้น หรือไกลขึ้น ไม่ไม่มีทางลัด เพียงแค่ออกไปวิ่งเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ค่อย ๆ เพิ่มเวลา เมื่อวานวิ่งได้ 30 นาที วันนี้ได้ 33 นาทีก็ถือว่าพัฒนาขึ้นแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายเราแกร่งพอ ก็จะสามารถฝึกซ้อมทั้งความเร็วควบคู่ไปกับการเพิ่มระยะทางได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน

 สำหรับนักวิ่งหน้าใหม่คือวิ่งยังไม่ให้บาดเจ็บ วิ่งแล้วรู้สึกสนุก มีความสุขทุกครั้งที่ได้ก้าว นั่นต่างหากคือหัวใจสำคัญ


You may also like

Leave a Comment