เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020”

by admin
“โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” เซอร์เก ไซเรียนอฟ

เสร็จสิ้นการแข่งขันกันไปแบบสุดมันและสุดประทับใจสำหรับ เทศกาลการวิ่งนานาชาติของจังหวัดภูเก็ต เป็นการจัดการแข่งขัน วิ่งมาราธอนระดับนานาชาติ ซึ่งมีการจัดกันต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 แล้ว สำหรับการแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการ โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต เมื่อช่วงวันที่ 14-15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020”

 “โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” เซอร์เก ไซเรียนอฟ

สำหรับ การแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” จัดขึ้นภายใต้การรับรองจาก สหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ (World Athletics) สมาพันธ์กรีฑาแห่งเอเชีย (AAA) และสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยสนามการแข่งขันวิ่งมาราธอน ที่สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต ถือเป็นเป็นสนามวิ่งที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เป็นสถานที่ดึงดูดบรรดา นักวิ่งมาราธอน จากทั่วโลกให้มาร่วมแข่งขัน

เนื่องจากนักวิ่งจะได้สัมผัสความสวยงามของ “แหลมพรหมเทพ” จุดชมวิวระดับโลก และวิวทิวทัศน์อันงดงามของท้องทะเลอันดามัน รวมถึงย้อนรอยอดีตไปกับสถาปัตยกรรมตึกเก่าสไตล์ชิโนโปรตุกีสของจังหวัดภูเก็ต ไปตลอดเส้นทางการแข่งขันวิ่งมาราธอน ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตในยุค New Normal ให้กลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง  หลักจากผ่านวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาอีกด้วย

การแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ได้รับเกียรติจาก นายณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตพร้อมด้วย นายทาคายูกิ คูชิดะ ผู้อำนวยการของบริษัท โอซูก้า นิวทราซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ “โพคารี่สเวท” ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการ มาทำพิธีการปล่อยตัวนักวิ่งเริ่มจากจุดเริ่มต้น ที่สวนสาธารณะสะพานหิน โดยการแข่งขันในครั้งนี้มีนักวิ่งมาราธอนเข้าร่วมการแข่งขันมากถึง 3,000 กว่าคน แต่ก็มีมาตรการป้องการการติดเชื้อโควิด-19 ตามมาตรฐานการจัดงานในรูปแบบ New Normal ตลอดระยะทางการแข่งขันอย่างเคร่งครัด

 

 เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020”

ผลการแข่งขันวิ่งมาราธอนรายการ มี 2 ประเภทคือ

ประเภทฟูลมาราธอนระยะทาง 42.195 กิโลเมตรและประเภทฮาล์ฟมาราธอน 21.1 กิโลเมตร  มีดังนี้

 “โพคารี่ สเวท ภูเก็ตธอน 2020” ณ สวนสาธารณะสะพานหิน จังหวัดภูเก็ต เซอร์เก ไซเรียนอฟ คว้าแชมป์ “โพคารี่สเวท ภูเก็ตธอน 2020” เซอร์เก ไซเรียนอฟ

ประเภทฟูลมาราธอนของนักวิ่งต่างประเทศ ผู้ชนะในประเภทชายได้แก่ เซอร์เก ไซเรียนอฟ นักวิ่งมาราธอนชาวรัสเซียที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรก ด้วยเวลา  2 ชั่วโมง 32 นาที 25 วินาที

ประเภทฟูลมาราธอนของนักวิ่งต่างประเทศ ผู้ชนะในประเภทหญิง ได้แก่ ดอร์คัส ทารัส นักวิ่งชาวเคนย่า ทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 12 นาที 16 วินาที  ผู้ชนะทั้งประเภทชายและหญิงได้รับเงินรางวัลคนละ 20,000 บาท ไปครองพร้อมถ้วยรางวัล

ประเภทฟูลมาราธอนของนักวิ่งต่างประเทศ ผู้ชนะในประเภทหญิง ได้แก่ ดอร์คัส ทารัส นักวิ่งชาวเคนย่า ทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 12 นาที 16 วินาที  ผู้ชนะทั้งประเภทชายและหญิงได้รับเงินรางวัลคนละ 20,000 บาท ไปครองพร้อมถ้วยรางวัล

สำหรับรางวัลสำหรับนักวิ่งมาราธอนชาวไทย ในประเภทฟูลมาราธอนชาย ผู้ชนะคือ ภัทรพล น้อยหมอ นักวิ่งปอดเหล็กจากจังหวัดเชียงราย ทำเวลาได้ 2 ชั่วโมง 45 นาที 30 วินาที ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท ไปครอง ส่วนอันดับที่ 2 และ 3 ได้แก่ ธวัชชัย หกพันนา

สำหรับรางวัลสำหรับนักวิ่งมาราธอนชาวไทย ในประเภทฟูลมาราธอนชาย ผู้ชนะคือ ภัทรพล น้อยหมอ นักวิ่งปอดเหล็กจากจังหวัดเชียงราย ทำเวลาได้ 2 ชั่วโมง 45 นาที 30 วินาที ได้รับเงินรางวัล 20,000 บาท ไปครอง ส่วนอันดับที่ 2 และ 3 ได้แก่ ธวัชชัย หกพันนา และ จ.ส.ท.สุพิศ จันทรัตน์ ได้รับเงินรางวัลไปคนละ 15,000 บาทและ 10,000 บาทตามลำดับ  

  • ในปีนี้ไม่มีการมอบรางวัลสำหรับ นักวิ่งมาราธอน ชาวไทยในประเภทประเภทฟูลมาราธอนหญิง ซึ่ง วิไลวรรณ ขำพิทักษ์ นักวิ่งหญิงของไทยที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกของคนไทย ทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 46 นาที 57 วินาที 

 

  • ประเภทฮาล์ฟมาราธอนชาย ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร ผู้ชนะได้แก่ ณัฐวุฒิ อินนุ่ม เจ้าของสถิติฮาล์ฟมาราธอนประเทศไทย โดยรายการนี้ทำเวลาได้ ทำเวลาได้ 1 ชั่วโมง 9 นาที 55 วินาที 

 

  • ประเภทฮาล์ฟมาราธอนหญิง ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร ผู้ชนะได้แก่ ณัฐธยาน์ ธนรณวัฒน์ นักวิ่งหญิงทีมชาติไทย เจ้าเหรียญทองมาราธอนหญิงกีฬาซีเกมส์เมื่อปี 2015 โดยทำเวลาได้ ทำเวลาได้ 1 ชั่วโมง 35 นาที 2 วินาที  โดยทั้งคู่คว้าแชมป์พร้อมเงินรางวัลคนละ 15,000 บาทไปครอง

 

ขอแสดงความยินดีกับผู้ชนะทุกประเภท และขอเป็นกำลังใจให้กับนักวิ่งมาราธอนทุกคนที่แม้จะพลาดหวังรางวัล แต่ก็ไม่เป็นไรยังมีโอกาสให้แก้ตัวกันใหม่ในสนามหน้าต่อไป 🙂

 


คุณอาจสนใจข่าวนี้

You may also like

Leave a Comment